วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

คําบางคํา เพื่อกําลังใจ





เพียงแค่ คำบางคำที่คุณเอ่ย...

อาจมีผลทำให้คนที่คุยกำลังสนทนาอยู่ด้วย
รักหรือเกลียดคุณเลยก็ได้ เอ๊ะ ! ยังไงกัน
คุณเคยสังเกตุบ้างรึเปล่า ?
ว่าในบางครั้ง คนที่คุณคุ้นเคย สนิทชิดเชื้อกันมานานบัดนี้
เค้ากำลังทำท่าทางเหมือนกับไม่อยากจะพบคุณเอาซะเลย
หลบได้เป็นหลบ หลีกได้เป็นหลีกบางทีอาจเป็นเพราะ
 เจ้าคำ...บางคำ
ที่คุณเอ่ยออกไปโดยที่มิได้ฉุกคิดนี่ละ

คือเจ้าตัวสาเหตุของปัญหายกตัวอย่างง่ายๆ 
สมุมติว่าวันนี้เพื่อนคุณสวมเสื้อตัวใหม่มาทำงาน
แต่เผอิญว่าเจ้าเสื้อตัวใหม่ของเพื่อนคุณนะ
มันช่างไม่เหมาะสมกับเพื่อนคุณเอาซ่ะเลย
คือดูยังไงก็น่าเกลียด คุณก็แสนดีเป็นคนตรงไปตรงมา 
คิดยังไงก็พูดออกไปอย่างนั้น (อย่างงี้เค้าเรียกว่าคนตรง)
โดยที่คุณไม่ทันยั้งคิดว่า เพื่อนคุณจะรู้สึกอย่างไร
คุณก็พูดกับเค้าไปตรงๆ แทนที่จะอ้อมๆ 
รักษาน้ำใจก็ดั้นไปพูดกับเพื่อนคุณตรงๆ
จนทำให้วันต่อมาเพื่อนคุณหายไปจากวงจรชีวิตของคุณไปซ่ะดื้อๆ

ในบางครั้งคนเราก็ไม่สามารถที่จะพูดความจริงได้ทั้งหมด
และการที่เราไม่พูดความจริง ออกมาทั้งหมดนั้น
ก็มิได้หมายความว่าเราเป็นคนโกหก
แต่มันกลับเป็นการรักษาน้ำใจอย่างหนึ่งของเพื่อนร่วมงาน
และบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดคุณ คุณลองคิดดูซิว่า
ถ้าเกิดวันหนึ่งหมอเกิดพูดความจริงกับคนไข้
ที่อาการสาหัส จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ 
ว่า "คุณคงไม่รอดแล้วละ " กับ แทนที่จะพูดว่า 
"คุณไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้วละ" 
(จะเป็นบ้านเก่า หรือบ้านใหม่ค่อยว่ากันอีกที)
บางครั้งคำพูดที่หมอบอกกับคนไข้นั้น......
มันสามารถทำให้คนไข้เสียชีวิตหรืออยู่รอดในวินาทีนั้นเลยก็ได้

ดังนั้นก่อนที่คุณจะเอ่ยคำใดออกไป ควรที่จะหยุดคิดสักนิดนึง
เพราะคนเราทุกคนอยู่ได้ด้วยกำลังใจ คุณก็คงจะเป็นคนหนึ่ง
ที่ต้องการกำลังใจจากคนรอบข้างเช่นกัน.....
เมื่อใดที่คุณต้องการกำลังใจจากผู้อื่น
คุณควรเป็นผู้ให้กำลังใจแก่ผู้อื่นเสียแต่วันนี้

ล้มทั้งยืน...ดีกว่าล้มไม่เป็น


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
  

ล้มทั้งยืน...ดีกว่าล้มไม่เป็น (ใยไหม)

          "อย่าคิดว่าสูญเสียแล้วชีวิตจะต้องเป็นศูนย์ เรานับหนึ่งใหม่ได้เสมอหากเราคิดจะนับซะอย่าง"

          ถ้าสิ่งที่เราคาดหวัง...ไม่เป็นดั่งหวังถ้าสิ่งที่เราพยายามทุ่มเททำสุดแรง กายแรงใจไม่ประสบผลสำเร็จ ถ้าสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นและได้สร้างความบอบ ช้ำจนทำให้เราต้องจมอยู่กับความทุกข์

          เรา กำลังก้าวสู่ "ชีวิตที่เป็นจริง" แล้วหล่ะ เพราะความเป็นจริงของชีวิต จะสอนให้เรารู้จักยอมรับความพ่ายแพ้สอนให้เรารู้จักสูญเสียน้ำตา เพื่อที่จะได้รอยยิ้มคืน กลับมาเป็นรางวัลตอบแทนแต่มันก็ไม่เคยทำให้ใครหมดสิ้นความหวัง หมดสิ้นพลังและกำลังใจไปกับความพ่ายแพ้ เพียงแค่ความเป็นจริงสอนให้พวกเราทุกคนรู้ว่า

          ...........อย่าเพียรสร้างความหวัง แต่ให้เชื่อมั่นใความหวัง............

          เพราะความเชื่อมั่นจะนำพาเราไปพบกับ "หนทางสู่ความสำเร็จ"

  แม้ว่าจะต้องฝ่าฟันอะไรอีกมากมายกว่าจะถึงวันนั้น
  แม้ว่าจะต้องล้มลงอีกสักกี่ครั้ง
  แม้ว่าจะต้องผิดหวังอย่างแรงอีกสักกี่หนก็ตาม



คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



          ปล่อยให้ชีวิตผิดพลาดเสียบ้าง ปล่อยให้ความคาดหวังได้เจอกับความผิดหวัง ปล่อยให้ความฝันกลายเป็นฝันค้างลอยกลางอากาศ ปล่อยให้อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด แม้ว่าเกิดขึ้นแล้วจะเลวร้ายกับชีวิตก็ตามทีเพราะทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้น จะช่วยสอนและช่วยเป็นบทเรียนอันล้ำค่าให้แก่ชีวิต ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้

          คุณบอย โกสิยพงศ์ เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารเล่มหนึ่ง เขาพูดให้แง่คิดที่ดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมันอาจจะสร้างบาดแผลให้กับใครหลาย ๆ คนมาบ่อยครั้ง คุณบอยพูดไว้ว่า...

          "ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราตลอดชีวิต ทุกอย่างมันก็รอเวลาจากเราไปทั้งนั้น เชื่อว่าถ้าชีวิตคนเราไม่ยึดติด ไม่ต้องแขวนชีวิตไว้กับความคาดหวัง เวลาที่เราสูญเสีย หรือเวลาที่เราต้องเจอกับความล้มเหลว เราคงมีภูมิต้านทานมากพอที่จะเอาไว้ต่อสู้กับความท้อแท้ อย่าคิดว่าสูญเสียแล้วชีวิตจะต้องเป็นศูนย์ เพราะว่าเรานับหนึ่งใหม่ได้เสมอหากเราคิดที่จะนับซะอย่าง ไม่มีอะไรบนโลกที่น่ากลัว และไม่จำเป็นต้องกลัวกับความเป็นจรองของชีวิต"



คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



          "มีพบก็ต้องมีจาก มีได้ก็ต้องมีเสีย และมีสุขก็ต้องมีทุกข์เป็นสัจธรรม"

          เมื่อไรที่เราได้รู้จักสัมผัส และได้เรียนรู้กับชีวิตทั้งสองด้าน เมื่อนั้นเราจะไม่รู้สึกเสียดายหากเราได้มีโอกาสล้มทั้งยืน แต่เราจะเสียใจไปตลอดชีวิตหากเราไม่สามารถก้าวข้ามความล้มเหลวที่ผ่านเข้ามา ได้

          มีคนเคยบอกเอาไว้ว่า...
   การตั้งความหวัง คือการเสี่ยงกับความเจ็บปวด
   การพยายาม คือการเสี่ยงกับความล้มเหลว
   แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยง เพราะในสิ่งที่อันตรายที่สุดในชีวิตก็คือ
   การไม่เสี่ยงอะไรเลย



คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



          "ล้ม" ลงสักกี่ครั้ง ผิดหวังมาสักกี่หน ลุกขึ้นยืนให้ไกด้ แล้วสักวันเราจะเจอความสุข เพราะความสุขไม่ได้หนีจากเราไปไหนหรอก มันอยู่ใกล้เราแค่เพียงเอื้อมมือจริง ๆ ถ้าหากเราไม่ได้ไปตัดสินว่า โลกมันควรเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น และไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์ให้กับตัวเองมากจนเกินไป เวลาคิดหรือทำอะไรสักอย่างแล้วมีข้อบังคับ มีกรอบ และสร้างมโนภาพความสำเร็จไว้ล่วงหน้า เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นไปตามกฎของเรา เราก็ทุกข์ เราก็เสียใจ และเราก็ใจเสียเอาได้ง่าย ๆ

          มีคนเคยบอกไว้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ ไม่ใช่สิ่งที่จะกำหนดความสุขของคุณ แต่มันเป็นความคิดของคุณเองต่างหาก ความคดที่มีต่อสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับคุณนั่นเองจะสุขหรือจะทุกข์ก็ขึ้นอยู่ ที่เราทั้งนั้นเป็นคนกำหนด ล้มทั้งยืนเสียบ้างก็คงไม่เสียหายไร แต่ล้มไม่เป็นเลยนี่สิ...

          ลองคิดดูเล่นๆ ซิว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตต่อไป...........หลังจากนี้

หัวใจ ... ใยไม่รักดี?

หัวใจ ... ไยไม่รักดี?








คุณเคยสงสัยไหมว่า . . .
ทำไมคนเรา ถึงไม่สมหวังในความรัก
เพราะว่า . . . หัวใจมันบังคับกันไม่ได้ไงละ
คนที่เรารักเค้าก็ไม่รักเรา
คนที่เค้ารักเรา เราก็ไม่รักเค้า






พยายามมากมายกี่ครั้งแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เคยทำได้เลย
ที่จะรักคนที่เราไม่ได้รัก
อย่าเอาเค้าเข้ามาเกี่ยวกับเรา เพราะความสงสาร
หรือเพราะความดีของเค้า
เพราะคุณกำลังทำร้ายเค้าทางอ้อม





เค้าจะเจ็บปวดแค่ไหน
หากวันหนึ่งรู้ความจริงว่า . . .
เราต้องใช้ความพยายาม ในการที่จะรักเค้า






หัวใจของเรา มันเรียกร้องหาใครเรารู้ดี
จงเฝ้ารักเค้า หากรักของคุณ
มิใช่การได้ครอบครองตัวเค้า





ได้แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่
อย่างน้อย ๆ คุณก็รู้หัวใจว่า . . . มันต้องการใคร 

เค้าเล่าว่า...


เค้าเล่าว่า....
ผู้หญิงอ้วนมักจะนิสัยดี
ผู้หญิงหน้าตาดีมักจะมีแฟนเป็นทอม
ผู้หญิงน่ารักแฟนมักจะไม่หล่อ
ผู้หญิงที่แฟนหล่อจำเป็นต้องรวย
ผู้หญิงอยากรวยต้องมีแฟนคราวพ่อ
ผู้หญิงช่างจ้อมีแฟนมากมาย
ผู้หญิงขี้อายมักเซ็กส์จัด
ผู้หญิงอวบอัดมักทำศัลยกรรม

เค้าเล่าว่า....
ผู้ชายนิสัยดีมักจะขี้เหร่
ผู้ชายที่หล่อมักไม่สุภาพ
ผู้ชายที่ทั้งหล่อ และสุภาพ มักเป็นเกย์
ผู้ชายที่หล่อ สุภาพ และไม่ใช่เกย์ มักแต่งงานแล้ว
ผู้ชายที่ไม่ค่อยหล่อ และนิสัยดี มักไม่มีสตางค์
ผู้ชายที่หล่อ นิสัยดี และมีสตางค์
มักจะคิดว่าเราเห็นแก่สตางค์ของเขา
ผู้ชายที่หล่อ แต่ไม่มีสตางค์ มักจะเห็นแก่สตางค์ของเรา
ผู้ชายที่หล่อและเป็นชายแท้ แต่นิสัยไม่ดี มักจะคิดว่าเราไม่สวยพอ
ผู้ชายที่เห็นว่าเราสวย และเหมาะกับเขา
มักเป็นคนขาดความมั่นใจ
ผู้ชายที่หล่อ สุภาพ มีฐานะ และเป็นชายแท้ มักจะขี้อาย
และกลัวการเริ่มต้น
ผู้ชายที่กลัวการเริ่มต้น มักเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงไม่สนใจ

เค้าเล่าว่า....
ผู้หญิงเก่งมักชอบบงการ
ผู้หญิงเก่งที่ไม่ชอบบงการ มักเสแสร้งเฉพาะช่วงแรกๆ
ผู้หญิงสวยมักจะโง่ แต่ผู้หญิงโง่ๆ มักจะรวย
ผู้หญิงที่ไม่โง่ และรวย มักไม่ยอมแต่งงาน
ผู้หญิงที่ไม่โง่ รวย และไม่ยอมแต่งงาน มักชอบคนมีครอบครัวแล้ว

เค้าเล่าว่า....
สมัยหนุ่มๆ ผู้ชายมักทุ่มเทเวลา ทำงานหนักจนลืมภรรยาสาว
เพราะต้องการจะสร้างเนื้อสร้างตัว พอสร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้ว
เขาก็จะลืมภรรยาแก่ๆเพราะต้องการทุ่มเทเวลาให้กับอีหนูสาวๆ

เค้าเล่าว่า...
ผู้ชายที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
จนกว่าจะมีผู้หญิงสักคนมาเชื่อมั่นในตัวเขา หลังจากนั้น
เขาก็จะเชื่อมั่นมากพอ
จนกล้าทิ้งผู้หญิงคนนั้น
เพื่อจะไปหาผู้หญิงคนใหม่ มาเชื่อมั่นในตัวเขาอีกครั้ง

เค้าเล่าว่า....
ผู้หญิงที่ดีมีแฟนคนเดียว ผู้หญิงเก่ง
คือผู้หญิงที่หาเงินได้มากกว่าสามี และเก็บไว้ใช้เองคนเดียว
ผู้หญิงฉลาด คือผู้หญิงที่หาเงินได้น้อยกว่าสามี
และเก็บเงินของสามีไว้ใช้คนเดียว
ผู้หญิงอัจฉริยะ คือผู้หญิงที่หาเงินได้มากกว่าสามี
ใช้เงินของสามี...และเก็บมรดกของสามีไว้ใช้คนเดียว
ผู้หญิงยอดอัจฉริยะ คือผู้หญิงที่หาเงินได้มากกว่าสามี
ใช้เงินของสามี เก็บมรดกสามีเอาไว้ แล้วเริ่มหาสามีใหม่
 

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

คนขายสุนัข และ ลูกสุนัข 7 ตัว


คนขายสุนัข และ ลูกสุนัข 7 ตัว
มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง
วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง ก็มากระตุกชายเสื้อเขา เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่
เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ? เด็กบอกอย่างสุภาพ
อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี แล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา
เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว เขานับ…แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น ไหนว่ามีเจ็ดต ัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ? เด็กชายถาม
เจ้าของร้านตอบว่า อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี
มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้
สิ้นคำเจ้าของร้าน ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน
ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ เห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขา หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย ท่าทางจะชอบเขามาก
เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ? ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ เจ้าของร้านตอบ
เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น
ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้ เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ
เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย
เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า ทำไมครับ ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้?
ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ ลองดูตัวอื่นดีไหม?
เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า คุณอาดูอะไรนี่สิครับ
ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น
เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า ขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้
คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ?
เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา
เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้ เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท คุณอาจะว่าอย่างไรครับ?
เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ พลางกล่าวขอโทษขอโพย ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป
เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้ และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก
………………..
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก

สิ่งที่เรามองข้าม






บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง
 เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม)
 หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย..
 ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ
 อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง
และเวลานี้….
ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน…… 
แล้วคิดว่า….สักวันหนึ่ง………..ค่อยส่ง.. จงอย่าลืมคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น 
คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้

คนโง่....คนฉลาด....คนเจ้าปัญญา....คุณเป็นคนแบบไหน






1. ว่าด้วยการบริหารเป้าหมาย

คนโง่ มักใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย.......
จึงว่ายไปในโลกกลมๆแล้ววนกลับมาที่เดิม............
ต้องเริ่มต้นใหม่ร่ำไปสู่อนาคตที่ไร้ทิศทาง.......... 


คนฉลาด มักตั้งเป้าหมายชีวิตยิ่งใหญ่ท้าทาย
จึงไม่พอใจกับภาวะที่ตนเป็นสักที.........
เพราะดูทีไรก็ยังห่างไกลเป้าหมายเสมอ....... 


คนเจ้าปัญญา ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต
และมีเป้าหมายน้อยนิดสานสู่เป้าหมายใหญ่................
จึงมีบันไดแห่งความสำเร็จให้บรรลุเป็นลำดับไป
ได้กำลังใจและหรรษาไปตลอดหนทาง 




2. ว่าด้วยการรู้จักแจ้งตนเอง 

คนโง่ อยู่กับตนก็ไม่รู้จักตน
จึงกลัวตัวเองไปต่างๆนานา 


คนฉลาด อยู่กับตนและรู้จักตนดี
แต่ไม่รู้สิ่งที่ดีกว่าตน
จึงวุ่นง่านอยู่กับการสร้างเนื้อสร้างตัว ปั้นตนให้เป็นแบบต่างๆ 


คนเจ้าปัญญา ย่อมรู้จักตนดีที่สุดจนทะลุความไม่เป็นตน
จึงบริหารตนได้เสมือนการสร้างสรรค์ฟองสบู่
ใช้ประโยชน์สุดกู่แล้วก็สลายวับไป 




3. ว่าด้วยจิต 

คนโง่ แม้เมื่อมีจิตใจก็ไม่เห็นจิตใจ
จึงไม่บริหารจิตใจตนแต่สัปดนไปบริหารคนอื่น
และมักขื่นขมที่ควบคุมคนอื่นไม่ได้ 


คนฉลาด เมื่อมีจิตใจก็เข้าใจจิตใจตนแม้จะไม่เห็นอยู่
จึงทู่ซี๊ระวังรักษาและได้ประโยชน์บ้างตามกำลังสติสัมปชัญญะ 


คนเจ้าปัญญา เมื่อมีจิตใจย่อมเห็นแจ่มแจ้งในจิตใจอยู่
รู้แจ้งพฤติของจืต และอำนาจแห่งใจ
จึงสามารถบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้เสมอ 




4. ว่าด้วยความคิด 

คนโง่ ทำก่อนแล้วจึงคิด
จึงผิดพลาดเนืองๆ
เปลืองเวลาและความรู้สึก
และต้องตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด 


คนฉลาด คิดมากก่อนแล้วจึงทำ
จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ
แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อย
เพราะเขม่าความคิดมักปิดกลั้นความหาญกล้า 


คนเจ้าปัญญา คิดไปทำไป
จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ
ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม
ลดความหลอนป้องกันความพลาดขื่นขม
และประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย 




5. ว่าด้วยการบริหารกระบวนการคิด 

คนโง่ ชอบไหลไปตามความคิด
จึงมีภารกิจอันไม่รู้ตัวอย่างไม่สิ้นสุด 


คนฉลาด ชอบสร้างความคิด
จึงมีจินตนาการอันสวยหรูที่ไม่เป็นจริงอย่างไม่สิ้นสุด 


คนเจ้าปัญญา ชอบบริหารความคิด
สร้างสรรค์ ตกแต่ง ตัดต่อ และละวางเมื่อสมควร
จึงได้ประโยชน์จากความคิดสูงสุด


ข้อคิด

คนโง่ ที่รู้ตัวว่าโง่ นั่นคือไม่โง่ เพราะรู้จักคิด รับความจริง
คนฉลาด รู้ตัวว่าฉลาด เขาย่อมเป็นคนฉลาดอยู่ดี
คนโง่อวดฉลาด นี่สิ เรียกได้ว่า บรมโง่ ทีเดียว
คนเจ้าปัญญา ถ้าขาดความรอบคอบ ก้อใช่ว่าจะไม่โง่ หรือจะฉลาดเสียไปหมดทุกเรื่อง
แต่ถ้าคนเจ้าปัญญา ทำอะไรมีสติ ไม่ประมาท นั่นแหล่ะ "ปราชญ์"